ในตอนที่แล้วเราได้รู้จักกับจุลินทรีย์ในแต่ละกลุ่มกันไปแล้ว ทั้งกลุ่มเชื้อโรคที่ทำร้ายเรา กลุ่มที่ไม่สร้างคุณและโทษ รวมถึงโพรไบโอติกเพื่อนที่ดีที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับร่างกายเรามากมาย และในตอนนี้เราจะได้รู้จักเกี่ยวกับพวกเขามากขึ้น ว่าพวกเขาอยู่ส่วนไหนของร่างกายเราบ้าง ช่วยเราอย่างไรบ้าง รับรองว่าคุณจะรักฮีโร่ตัวน้อย และอยากที่จะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีมากขึ้นไปอีก
เกริ่นมาสารพัดประโยชน์ขนาดนี้ บางคนอาจจะมีคำถามต่อว่า จุลินทรีย์ชนิดเดียวมันจะมีประโยชน์รอบด้าน ทำงานได้หลากหลายหน้าที่ขนาดนั้นเลยหรอ จึงขอเกริ่นอีกหน่อยว่า จุลินทรีย์ที่เราเรียกรวม ๆ ว่า โพรไบโอติก ไม่ได้มีแค่สายพันธุ์เดียวครับ มีมากมายหลายสิบสายพันธุ์เลย ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีส่วนช่วยต่าง ๆ กัน จึงทำให้โดยรวมแล้วโพรไบโอติกดีต่อสุขภาพของเราในหลาย ๆ ด้าน แถมจุลินทรีย์เหล่านี้อยู่กับเราตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะทารกที่คลอดแบบธรรมชาติผ่านช่องคลอดของมารดา จะได้รับโบนัสพิเศษเป็นเหล่าฮีโร่ตัวน้อยที่จะคอยดูแลพวกเขา นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่า ทำไมเด็กที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติ มักมีร่างกายแข็งแรงกว่าเด็กผ่าคลอด แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้เด็กผ่าคลอดได้รับโพรไบโอติกเหล่านี้ไปดูแลร่างกายพวกเขาตลอดช่วงชีวิตได้เช่นกัน
1. ลดอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ลำไส้แปรปรวน
แหล่งที่อยู่หลักๆของโพรไบโอติกในร่างกายเรา คือ ลำไส้ใหญ่ จุลินทรีย์เหล่านี้จึงมีผลต่อระบบลำไส้ของเรามากที่สุด โดยหนึ่งในข้อดีที่สำคัญของการสร้างประโยชน์ในการร่วมกัน คืออาหารที่จุลินทรีย์เหล่านี้ชอบ คืออาหารที่ร่างกายของเราย่อยไม่ได้ หรือย่อยได้ไม่หมด ซึ่งก็คือใยอาหารหรือไฟเบอร์นั่นเอง แค่เริ่มต้นก็มีตัวช่วยย่อยและดูดซึมสารอาหารดีๆแล้ว พอกินอาหารเข้าไป จุลินทรีย์เหล่านี้จะผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid) ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายหรือจุลินทรีย์ก่อโรคที่มักทำให้เกิดการอักเสบที่ลำไส้ ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษ นอกจากนี้ยังมีโพรไบโอติกอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยผลิตกรดอินทรีย์อื่นๆมากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยเพิ่มความชื้นของอุจจาระทำให้ขับถ่ายสะดวกมากขึ้นอีกด้วย
โพรไบโอติกจึงถือเป็นฮีโร่ที่สำคัญประจำลำไส้ของเราเลย ทั้งช่วยทำงานย่อยและดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ช่วยปกป้องลำไส้ของเราจากเชื้อโรคร้ายและการอักเสบ ดังนั้นถ้าเราดูแลสมดุลของโพรไอโบติกได้ดีจะช่วยลดทั้งอาการท้องผูก ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ การติดเชื้อที่ลำไส้ รวมถึงโรคแทบทุกชนิดที่อาจเกิดขึ้นที่ลำไส้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากระบบลำไส้แล้วโพรไบโอติกยังมีประโยชน์ต่อระบบอื่น ๆ อีก ตามไปดูกันต่อเลยครับ
2. ดีต่อภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบของร่างกาย
ลำไส้ของเรานอกจากมีหน้าที่ในการย่อยและดูดซึมสารอาหารแล้ว ยังเป็นแหล่งสำคัญที่ร่างกายใช้ผลิตสารภูมิคุ้มกันอีกด้วย โดยแรงงานหลักที่ช่วยเราผลิตสารเหล่านี้ก็คือเจ้าโพรไบโอติกนั่นเอง และนอกจากสารคุ้มกันแล้ว จุลินทรีย์เหล่านี้ยังช่วยผลิตวิตามินและสารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามมินบี 6, วิตามินบี 12, ไบโอติน (Biotin) กรดโฟลิก (Folic Acid) เป็นต้น
ดังนั้น โพรไบโอติกจึงถือเป็นตัวช่วยสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งดูแลสุขภาพโดยรวมของเราทั้งร่างกายเลย
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเวย์โปรตีน
3. ลดสิว ผิวหนังอักเสบ
เนื่องจากโพรไบโอติกมีส่วนช่วยสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน จึงมีผลช่วยลดการอักเสบในร่างกายแต่ละส่วนด้วยรวมถึงการอักเสบที่ผิวหนัง ช่วยลดการเกิดสิว ลดปัญหาโรคผิวหนังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงินหรือแผลเรื้อรัง รวมถึงยังช่วยให้ดูอ่อนวัยได้อีกด้วย
4. มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล
นอกจากโพรไบโอติกจะช่วยย่อยใยอาหารแล้วยังช่วยเราย่อยสลายคอเลสเตอรอล ช่วยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลผ่านผนังลำไส้ อีกทั้งยังสามารถย่อยน้ำดีได้ ทำให้น้ำดีในร่างกายลดลง เราจึงต้องผลิตน้ำดีขึ้นมาทดแทน โดยใช้คอเลสเตอรอลเป็นสารตั้งต้นในการผลิต จึงมีผลทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายลดลงครับ
5. ดีต่อระบบประสาท สมอง และสุขภาพทางจิต
โพรไบโอติกนอกจากจะมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพร่างกายของเราแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตของเราด้วย โดยจุลินทรีย์เหล่านี้มีส่วนช่วยในการผลิตสารที่สำคัญในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งก็คือสารสื่อประสาท และฮอร์โมนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนซีโรโทนิน (Serotonin) โดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด รวมถึงช่วยผลิตสารกาบา (Gamma-aminobutyric acid :GABA) ที่ช่วยให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลายค่ะ ถ้าเราดูแลสุขภาพของลำไส้ได้ดี มีจุลินทรีย์ดีที่หลากหลายและจำนวนมาก ช่วยกันผลิตฮอร์โมนที่ดีๆออกมา จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองของเราทำงานได้เป็นอย่างดี เรามีสมาธิ มีโฟกัสที่ดี ลดฮอร์โมนคอร์ติซอลลงช่วยให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้นและมีสุขภาพทางจิตที่ดีขึ้น
6. ลดการดื้อยา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคของยาปฏิชีวนะ
นอกจากเหล่าโพรไบโอติกจะมีความเก่งในหลายๆด้านตามที่กล่าวมาแล้ว เชื้อโรคร้ายที่มักจะคอยสร้างปัญหาให้เราก็มีความเก่งไม่แพ้กัน โดยมันก็พยายามต่อสู้ ปกป้องตัวเองเพื่อมีชีวิตรอดเช่นกัน หนึ่งในวิธีที่พวกมันใช้ป้องกันตัวคือ การสร้างเกราะที่เรียกว่า ไบโอฟิล์ม (Biofilm) ขึ้นมาเหมือนเป็นบ้านที่มีรั้วคอยปกป้องจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในและยึดติดตัวเองกับเนื้อเยื่อต่างๆเพื่อให้อยู่ได้ในร่างกายเรา ซึ่งโดยทั่วไปยาปฏิชีวนะมักไปสามารถเข้าไปทำลายจุลินทรีย์ที่อยู่ในนั้นได้ ทำให้เชื้อโรคเหล่านั้นไม่ตายและอาจเกิดการเรียนรู้พัฒนาสายพันธุ์ขึ้น จนทำให้เกิดเชื้อดื้อยา และแพทย์ต้องเพิ่มความรุนแรงของยาฆ่าเชื้อขึ้นไปเรื่อย ๆ จนอาจเกิดอันตรายตามมา
ถ้าคุณอยากรู้ว่าไบโอฟิล์มมีลักษณะประมาณไหน อาจลองสังเกตดูบริเวณรอยต่อของท่อ หรือขวดต่าง ๆ ในส่วนที่ยากต่อการทำความสะอาด หากทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดเมือกลื่น ๆ ที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดีเลย ซึ่งการใช้เพียงแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีการขัดถูเมือกบริเวณนั้นออก ก็ยากที่จะฆ่าเชื้อโรคบริเวณนั้นได้เช่นกัน
แต่ถือเป็นโชคดีของเราที่มีโพรไบโอติกช่วยรับมือในส่วนนี้อยู่ โดยโพรไบโอติกจะช่วยทำลายไบโอฟิล์ม แถมยังยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มใหม่อีกด้วย พอไม่มีไบโอฟิล์มคอยคุ้มกัน เชื้อโรคเหล่านั้นก็จะถูกฆ่าได้ง่ายขึ้น พอยาฆ่าเชื้อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็หมดความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์รุนแรงมากขึ้น และลดโอการการเกิดเชื้อโรคดื้อยาได้เลยครับ
รู้อย่างนี้แล้วมาเริ่มดูแลฮีโร่ตัวน้อย โพรไบโอติกของเรากัน ด้วยการเพิ่มเสบียงให้กองทัพ กินใยอาหารกลุ่ม พรีไบโอติก (Prebiotic) ที่จุลินทรีย์ดีชอบ ได้แก่ หัวหอม กระเทียม กล้วย แอปเปิล รวมถึงธัญพืชต่างๆ หรือเสริมกองทัพใหม่เข้าไป กินอาหารที่มีจุลินทรีย์ดี เช่น โยเกิร์ต กิมจิ ผักดอง นัตโตะ ดูแลพวกเขาให้ดีอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะได้มีแรงมาช่วยดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราให้แข็งแรงนะครับ